จัด 7 อันดับ บรอนเซอร์ถูกและดี ที่ซื้อแล้วไม่ผิดหวัง อัพเดทล่าสุดปี 2567

หลาย ๆ คนคงมีความสับสนระหว่างบรอนเซอร์ (Bronzer), คอนทัวร์ (Contour)/เฉดดิ้ง (Shading) และคำว่าไฮไลท์ (Highlight) กันใช่ไหมล่ะคะ? ในบทความนี้เราจะมาทำความเข้าใจไปพร้อม ๆ กันค่ะ

สมัยก่อนเมื่อกล่าวถึงบรอนเซอร์ ทุกคนจะนึกถึงเครื่องสำอางที่มีสีน้ำตาล มีเนื้อแมตต์และเนื้อชิมเมอร์แตกต่างกันไป แล้วแต่แบรนด์และรุ่น โดยหากต้องการใช้เป็นไฮไลท์ (Highlight) ก็เลือกใช้บรอนเซอร์สีสว่าง ๆ ที่เป็นเนื้อชิมเมอร์ แต่ถ้าหากต้องการสร้างมิติให้กับใบหน้า (Shading) ก็จะเลือกใช้บรอนเซอร์ที่เป็นเนื้อแมตต์ สีเข้ม ๆ อย่างสีน้ำตาลอมเทา เป็นต้น

ในปัจจุบัน หลายแบรนด์ได้ทำการแบ่งแยกชื่อของผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยตั้งชื่อเป็น Contour และ Highlight แยกกันแบบชัดเจน และหากกล่าวถึง บรอนเซอร์ (Bronzer) ก็จะหมายถึง เครื่องสำอางที่ช่วยปรับสีผิว เนรมิตผิวให้ดูโกลว์ ดูฉ่ำวาวและยังช่วยลดความขาวของรองพื้นให้ดูเป็นธรรมชาติ ทำให้ใบหน้าไม่ขาววอกหรือดูซีดเซียว ดูเป็นผิวสุขภาพดีเหมือนไปอาบแดดมา ส่วนใหญ่จะมีสีออกไปทางน้ำตาลอมแดงหรือน้ำตาลอมส้มและมีความแวววาว จึงทำให้ชาวตะวันตกนิยมปัดบรอนเซอร์เพื่อเพิ่มความมีชีวิตชีวาให้กับผิว ดังนั้นสาวไทยคนไหนที่อยากแต่งหน้าแบบสาย ฝ. ไม่ควรพลาดขั้นตอนการแต่งหน้านี้ไปนะคะ

หลังจากทราบจุดประสงค์ของการใช้บรอนเซอร์กันไปแล้ว ถ้ดไปจะเป็นวิธีการเลือกบรอนเซอร์นะคะ ซึ่งหากเราเลือกสีของบรอนเซอร์ที่ไม่เหมาะสมหรือทาในบริเวณที่ไม่เหมาะสมก็อาจทำให้เกิดปัญหาหน้าคล้ำเป็นปื้นหรือลอยเด่นมาแต่ไกล และทำให้รูปหน้าเปลี่ยนแปลงไปได้ ดังนั้นมาดูเทคนิคการเลือกที่จะไม่ทำให้การแต่งหน้าของคุณโป๊ะแตกกันดีกว่าค่ะ

โดยทั่วไป บรอนเซอร์จะมี 2 ประเภท ได้แก่ เนื้อฝุ่นและเนื้อครีม ซึ่งแต่ละประเภทมีคุณสมบัติเด่นที่แตกต่างกัน จึงควรเลือกให้เหมาะสมกับการใช้งานและความชอบของคุณนะคะ

เริ่มกันที่ประเภทแรก คือ บรอนเซอร์เนื้อฝุ่น ซึ่งเป็นประเภทที่พบได้บ่อยที่สุด มีเนื้อสัมผัสบางเบา ใช้งานได้ง่าย มักอยู่ในรูปของแป้งอัดแข็งพร้อมตลับทำให้ใช้งานได้สะดวก นอกจากนี้ คุณสามารถค่อย ๆ เพิ่มระดับความเข้มขึ้นได้ตามต้องการ เพียงแค่ใช้แปรงปัดซ้ำ ๆ ในบริเวณนั้น หรือจะทาทับหลังจากการลงบรอนเซอร์แบบครีมก็ได้ เพื่อเพิ่มความคงทน เหมาะสำหรับมือใหม่เพิ่งหัดแต่งหน้า และผู้ที่ต้องการลุคโกลว์ ๆ แลดูเป็นธรรมชาติ ผู้ที่มีผิวผสมไปจนถึงผิวมัน

สำหรับ บรอนเซอร์เนื้อครีม จะมีเนื้อสัมผัสที่ค่อนข้างแน่นและหนากว่าเนื้อฝุ่น ให้สีที่ชัดเจน ติดทนนาน อีกทั้งยังเกลี่ยง่าย จึงกลมกลืนไปกับผิวได้ดี เหมาะกับสาวผิวแห้ง และการแต่งหน้าลุคคมเข้มที่ต้องการเน้นกรอบหน้า หรือสร้างมิติให้ส่วนต่าง ๆ แต่อย่าลืมว่า หากเลือกใช้เนื้อครีม คุณจะต้องลงบรอนเซอร์ชนิดนี้หลังจากที่ลงรองพื้นหรือคอนซีลเลอร์แล้ว ไม่สามารถลงหลังจากการทาแป้งได้แบบบรอนเซอร์เนื้อฝุ่นนะคะ เพราะจะทำให้เกลี่ยยากและเป็นคราบได้

หลังจากที่ทราบประเภทของบรอนเซอร์กันไปแล้ว ต่อไปจะเป็นการเลือกจากฟินิชลุค (Finish Look) ที่คุณต้องการ จะมีลุคไหนบ้าง มาดูพร้อม ๆ กันเลยค่ะ

หากคุณต้องการแต่งหน้าในลุคที่ดูโกลว์ ๆ ฉ่ำวาว ดูอบอุ่น ควรเลือกบรอนเซอร์ที่ให้ฟินิชลุค "Shimmer" ที่มีส่วนผสมของชิมเมอร์ละเอียดที่ทำหน้าที่ในการช่วยกระจายแสง เลือกสีของบรอนเซอร์ให้ออกไปทางน้ำตาลอมแดงหรืออมส้ม เพราะจะทำให้ผิวของคุณดูเปล่งปลั่ง และเป็นประกายมากยิ่งขึ้น

แนะนำให้ทาลงในบริเวณที่จะถูกแสงตกกระทบ เช่น โหนกแก้ม ปลายจมูก สันคิ้ว และปลายคาง แต่มีข้อควรระวังคือ ไม่ควรลงบรอนเซอร์ที่มีชิมเมอร์ทั่วทั้งใบหน้า เพราะจะทำให้ใบหน้ามันวาวเกินไป และยังทำให้ใบหน้าดูไม่มีมิติและดูไม่เป็นธรรมชาติด้วยค่ะ

สำหรับสาว ๆ ที่ต้องการสร้างมิติให้ใบหน้าคมชัด หรือที่เรียกว่าคอนทัวร์ (Contour)/ เฉดดิ้ง (Shading) เราขอแนะนำให้เลือกใช้บรอนเซอร์ที่ให้ฟินิชลุคแบบ "Matte" ซึ่งจะไม่มีส่วนผสมของชิมเมอร์ จึงไม่มีประกายวิบวับ แวววาว ควรเลือกสีออกน้ำตาลอมเทา ซึ่งเป็นสีเหมาะสำหรับการสร้างแสงและเงา ไม่ควรใช้สีน้ำตาลอมแดงหรืออมส้ม เพราะจะทำให้สีบนใบหน้าผิดเพี้ยนไป

แนะนำให้ทาลงบริเวณที่ต้องการให้เกิดเงา เช่น กรอบหน้า สันกราม บริเวณไรผมข้างหน้าผาก หรือข้างจมูก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ใครที่อยากมีหน้าเรียวเล็กเป็น V-Shape ควรใช้แปรงเบลนด์ (Blending) หรือเกลี่ยให้กลมกลืนไปกับผิว มิฉะนั้นจะเกิดปัญหาหน้าคล้ำเป็นปื้นได้ค่ะ

การเลือกบรอนเซอร์ให้เหมาะกับสีผิวของคุณนั้นเป็นสิ่งสำคัญ โดยทั่วไปจะแนะนำให้เลือกเฉดสีที่เข้มว่ารองพื้นประมาณ 1-2 เบอร์ แต่วันนี้เรามีเฉดสีของบรอนเซอร์ที่เหมาะกับสาวแต่ละโทนผิวมาฝากด้วยนะคะ

หากคุณเป็นสาวผิวขาวเหลืองที่มักเจอกับปัญหาหน้าซีด ไม่มีชีวิตชีวา จนมีคนทักว่าป่วยอยู่บ่อย ๆ เราขอแนะนำบรอนเซอร์สีน้ำตาลประกายทอง น้ำตาลอมเหลือง แต่หากคุณมีสีผิวขาวอมชมพู ควรเลือกบรอนเซอร์สีออกไปทางชมพูหรือสีแชมเปญ เพราะจะช่วยให้ผิวของคุณระเรื่อ ดูสุขภาพดี เหมือนเพิ่งไปอาบแดดมาเลยค่ะ

ส่วนสาวคนไหนที่มีผิวสองสีจนไปถึงผิวแทน สีของบรอนเซอร์ที่เหมาะกับผิวคุณนั้นคือ สีน้ำตาล ไม่ว่าจะเป็นน้ำตาลช็อกโกแลต น้ำตาลประกายทอง หรือน้ำตาลส้มอิฐ สีเหล่านี้จะช่วยสร้างมิติให้กับใบหน้า และเพิ่มเสน่ห์ความเซ็กซี่สไตล์สาย ฝ. ได้อีกด้วยค่ะ

สาวผิวแห้งที่มีปัญหาผิวแตกหรือลอกเป็นขุย เราขอแนะนำให้เลือกใช้บรอนเซอร์เนื้อครีม หรือแบบที่มีส่วนผสมของชิมเมอร์ เพราะจะช่วยเพิ่มความชุ่มฉ่ำและแวววาวให้กับผิวของคุณได้ค่ะ

ส่วนใครที่มีผิวผสมหรือผิวมัน ควรเลือกใช้เนื้อฝุ่นที่ช่วยเซ็ตให้หน้าไม่มันเยิ้ม สวยทนยิ่งขึ้น นอกจากนี้ คุณควรหลีกเลี่ยงบรอนเซอร์ที่มีชิมเมอร์ด้วยนะคะ เพราะจะทำให้หน้ามันวาวจนดูเยิ้มได้ค่ะ

เมื่อได้ทราบวิธีการเลือกกันไปแล้ว ก็มาถึงการจัดอับดับที่สาว ๆ ทุกคนรอคอย วันนี้เราจะแนะนำบรอนเซอร์ที่มีคุณภาพ ในราคาสบายกระเป๋า โดยจะทำการเปรียบเทียบทั้งราคาและคุณสมบัติต่าง ๆ มาดูกันดีกว่าค่ะว่า จะมีแบรนด์ไหนถูกใจคุณบ้าง !

เป็นอย่างไรบ้างคะ กับบทความที่เรานำมาฝากทุกคนในวันนี้ เราหวังว่าจะเป็นประโยชน์กับใครที่กำลังมองหาบรอนเซอร์ โดยสามารถนำวิธีการเลือกที่เราได้แบ่งปันไปแล้ว มาพิจารณาเพื่อเลือกซื้อสินค้าให้เหมาะสมกับจุดประสงค์การใช้งานของคุณมากที่สุด อีกทั้งการแนะนำ 10 อันดับ บรอนเซอร์คุณภาพดีในราคาย่อมเยา ก็เป็นแบรนด์ที่ล้วนแล้วแต่หาซื้อได้ง่าย ๆ ทั้งหมดค่ะ

นอกจากจะเลือกใช้บรอนเซอร์ให้เหมาะกับการใช้งาน หรือโทนสีผิวของคุณแล้ว เราขอแนะนำให้ศึกษาเทคนิคการแต่งหน้าในลุคที่คุณต้องการ ไม่ว่าจะเป็นจากบิวตี้บล็อกเกอร์คนดังหรือคลิปสอนแต่งหน้าต่าง ๆ ทั้งในไทยและต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสาว ๆ ที่เป็นมือใหม่หรือเพิ่งหัดใช้บรอนเซอร์เป็นครั้งแรก เพื่อเป็นแนวทางให้คุณได้สร้างสรรค์ผลงานการแต่งหน้าที่สมบูรณ์แบบค่ะ