จัด 7 อันดับ หน้ากากผ้า ที่ซื้อแล้วไม่ผิดหวัง อัพเดทล่าสุดปี 2567

"หน้ากากผ้า" ถูกผลิตมาเพื่อให้สามารถใช้ทดแทน "หน้ากากอนามัย"ได้ แม้ประสิทธิภาพจะไม่เทียบเท่ากัน แต่ก็สามารถช่วยลดปริมาณการใช้งานหน้ากากอนามัยลงได้ เพื่อให้มีหน้ากากอนามัยเพียงพอต่อกลุ่มบุคคลที่จำเป็นต้องใช้งานมากกว่า โดยเฉพาะ "บุคลากรทางการแพทย์" หรือบุคคลที่อยู่ใน "กลุ่มเสี่ยงว่าจะเป็นโรคร้ายแรง" ซึ่งต้องเผชิญกับสถานการณ์หรือสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ที่อันตราย ทำให้กลุ่มคนเหล่านี้จำเป็นต้องใช้หน้ากากอนามัยมากกว่าบุคคลทั่วไปครับ

ปัจจุบันผู้ผลิตหน้ากากผ้าหลายยี่ห้อได้ทำการคิดค้นหน้ากากผ้าชนิดพิเศษให้มีประสิทธิภาพในการป้องกันฝุ่นละออง PM 2.5, แบคทีเรีย, ไวรัส, หรือละอองฝอยจากสารคัดหลั่งต่าง ๆ ที่ออกมาจากร่างกายของมนุษย์ ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดอาการเจ็บป่วย ให้มีคุณภาพดียิ่งขึ้นกว่าหน้ากากผ้าแบบปกติ ช่วยให้คุณรู้สึกมั่นใจในการใช้งานหน้ากากผ้าได้มากขึ้น

ประโยชน์อีกด้านของหน้ากากผ้า คือ คุณสามารถนำหน้ากากชนิดนี้มาซักล้างเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ได้ เป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายจากการซื้อหน้ากากอนามัยแบบปกติที่ใช้งานได้ไม่กี่ครั้ง นอกจากนี้ ยังช่วยลดปริมาณขยะอันตรายจากหน้ากากอนามัยที่ปนเปื้อนเชื้อโรคต่าง ๆ ที่อาจจะแพร่กระจายโดยการทิ้งหน้ากากอนามัยอย่างไม่ถูกวิธีได้อีกด้วยครับ

จะเห็นได้ว่า "หน้ากากผ้า" ถูกคิดค้นและพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่องจากแต่ก่อน นอกจากจะช่วยป้องกันฝุ่นละอองในอากาศได้แล้ว ยังช่วยปกป้องเราจากเชื้อโรคอันตรายได้อีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นผลิตภัณฑ์ดี ๆ ที่มีประโยชน์หลายอย่าง ทุกคนจึงควรจะมีติดบ้านเอาไว้ รับรองว่าไม่เสียเปล่าอย่างแน่นอนครับ

หลังจากที่ได้ทราบถึงประโยชน์ของหน้ากากผ้ากันไปแล้ว อันดับต่อไป เราจะขอแนะนำคุณผู้อ่านให้รู้จักกับวิธีการเลือกหน้ากากผ้า เพื่อให้คุณสามารถเลือกซื้อได้เหมาะสมกับการใช้งานและมีประสิทธิภาพมากที่สุดครับ

ถึงแม้จะมีชื่อว่า "หน้ากากผ้า" เหมือนกัน แต่หน้ากากผ้าแต่ละแบบก็มีคุณสมบัติและประสิทธิภาพในการป้องกันที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้น คุณจึงจำเป็นต้องตรวจสอบประสิทธิภาพของหน้ากากผ้าให้ดี เพื่อที่จะได้เลือกใช้งานอย่างถูกต้องครับ

โดยทั่วไปแล้ว หน้ากากผ้าทั่วไปมักจะผลิตจาก "ผ้าฝ้าย (Cotton)" เพราะมีราคาที่ย่อมเยา หาซื้อได้ง่าย แต่ก็แลกมากับประสิทธิภาพในการป้องกันฝุ่นละออง หรือละอองฝอยจากสารคัดหลั่งที่ออกมาจากร่างกายมนุษย์ได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น จึงอาจจะไม่เหมาะกับการนำมาป้องกันฝุ่นละออง PM 2.5 หรือป้องกันตนเองจากเชื้อไวรัสและแบคทีเรียในอากาศ

แต่ในปัจจุบัน ผู้ผลิตจากหลากหลายยี่ห้อได้เปลี่ยนมาใช้ "ผ้ามัสลิน (Muslin)" ในการนำมาเป็นวัสดุหลัก เพื่อใช้ในการผลิตหน้ากากผ้ามากยิ่งขึ้น เพราะสามารถป้องกันฝุ่นและละอองฝอยหรือละอองน้ำได้ดีกว่าผ้าฝ้าย ทั้งยังมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า โดยสามารถซักล้างเพื่อนำกลับมาใช้ซ้ำได้มากกว่า 100 ครั้งเลยทีเดียวครับ

นอกจากนี้ ยังมี "ผ้าสาลู" ที่ป้องกันอนุภาคขนาดเล็กได้ดีเช่นเดียวกัน แต่ประสิทธิภาพอาจจะไม่เทียบเท่ากับผ้ามัสลิน ดังนั้น หากคุณต้องการเลือกใช้หน้ากากผ้าทั่วไป ควรเลือกหน้ากากผ้าฝ้ายมัสลินหรือผ้าสาลู และต้องตรวจสอบดูให้ดีว่า มีการเย็บติดกันเป็นจำนวน "2 ชั้น" ขึ้นไปหรือไม่ เพื่อที่จะได้มั่นใจในประสิทธิภาพในการป้องกันที่ดีมากยิ่งขึ้นครับ

นอกจากหน้ากากผ้าทั่วไปแล้ว ในปัจจุบัน หน้ากากผ้าที่เคลือบ "สารสะท้อนน้ำ (Water Repellent)" ก็กำลังเป็นที่นิยม แม้ว่าจะมีราคาสูงขึ้นและมีอายุการใช้งานน้อยกว่าหน้ากากผ้าทั่วไป เพราะสามารถซักได้ประมาณ 20 - 40 ครั้งเท่านั้น โดยขึ้นอยู่กับความคงทนของสารที่ใช้เคลือบและคุณภาพของผ้าที่นำมาใช้ผลิต แต่ก็แลกมาซึ่งประสิทธิภาพในการป้องกันละอองฝอยจากสารคัดหลั่งของผู้อื่นได้เป็นอย่างดี ทำให้ใช้งานได้ใกล้เคียงกับหน้ากากอนามัยคุณภาพดีนั่นเอง

หน้ากากผ้าชนิดนี้ของแต่ละยี่ห้อนั้น จะมีขั้นตอนการผลิตที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของเนื้อผ้า, รูปทรง, สารที่ใช้เคลือบและขั้นตอนอื่น ๆ ที่อาจถูกเพิ่มเติมเข้ามา เพื่อให้สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้มากที่สุด เช่น เสริมด้วยผ้าชั้นในเพื่อป้องกันแบคทีเรียหรือเชื้อรา ช่วยป้องกันปัญหาสิวหรือเกิดผดผื่นจากอาการแพ้ต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นต้น

หน้ากากผ้าบางยี่ห้อจะมีช่องสำหรับใส่ "แผ่นกรอง" เพิ่มเข้ามาตรงบริเวณด้านในของหน้ากากผ้าด้วย ซึ่งแผ่นกรองนั้นจะมีประสิทธิภาพที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละยี่ห้อ แต่โดยส่วนใหญ่แล้วจะมีคุณสมบัติในการป้องกันหรือดักฝุ่นละอองขนาดเล็กอย่างฝุ่น PM 2.5 และสามารถกันน้ำหรือละอองฝอยของสารคัดหลั่งต่าง ๆ ได้ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้มั่นใจในประสิทธิภาพของการใช้งานหน้ากากผ้าได้ดียิ่งขึ้น รวมไปถึงช่วยยืดอายุการใช้งานให้ยาวนาน เพิ่มความคุ้มค่าคุ้มราคามากกว่าที่เคยครับ

การตรวจสอบดีไซน์และขนาดของหน้ากากผ้า ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญเป็นอย่างมาก เพราะมีหลายกรณีที่ผู้ซื้อไม่สามารถสวมใส่หน้ากากผ้าได้อย่างสะดวกสบายนัก เนื่องจากหน้ากากผ้ามีขนาดที่เล็กหรือใหญ่กว่าใบหน้าจนเกินไป ดังนั้น คุณจึงควรทำการวัดขนาดของใบหน้าและตรวจสอบขนาดของหน้ากากผ้าให้ดี เพื่อป้องกันปัญหาเหล่านี้ และยังเป็นการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานของหน้ากากผ้าได้ดียิ่งขึ้นด้วย

โดยปกติคุณสามารถเลือกขนาดของหน้ากากผ้าได้หลากหลาย แต่ก็มีบางยี่ห้อที่มีให้เลือกเพียงขนาดเดียว คือ ฟรีไซซ์ (Free Size) ซึ่งหน้ากากแบบฟรีไซซ์ก็ไม่ได้แย่เสียทีเดียว เพราะผู้ผลิตมักทำการออกแบบรูปทรงให้สามารถสวมใส่ได้อย่างแน่นหนาและแนบชิดกับใบหน้าได้อย่างดีเยี่ยม เช่น มีสายรัดที่ใช้คล้องหูให้รั้งหน้ากากกับใบหน้าได้อย่างแนบสนิท, มีสายรัดบริเวณด้านหลังท้ายทอย, มีโครงลวดสำหรับปรับให้เข้ากับโครงจมูก เป็นต้น เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถสวมใส่หน้ากากผ้าได้อย่างกระชับกับใบหน้า ซึ่งเป็นการช่วยเพิ่มการป้องกันให้สมบูรณ์แบบมากขึ้นนั่นเองครับ

หากคุณไม่มั่นใจว่าจะเริ่มต้นเลือกซื้อหน้ากากผ้าอย่างไรดี เพราะมีหน้ากากผ้าอยู่หลากหลายยี่ห้อที่ถูกวางจำหน่ายตามท้องตลาด ทางเราขอแนะนำให้คุณพิจารณาจากผู้ผลิตที่มีชื่อเสียงและน่าเชื่อถือก่อนเป็นอันดับแรกครับ เพื่อที่คุณจะได้มั่นใจในเรื่องของคุณภาพ มาตรฐานและวัสดุที่นำมาใช้ในการผลิต ซึ่งจะช่วยให้คุณใช้งานผลิตภัณฑ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากที่สุดอย่างแท้จริงครับ

บางโอกาสหรือบางสถานที่อาจไม่สะดวกที่จะสวมใส่หน้ากากผ้าได้ เนื่องจากหน้ากากผ้ามักจะมีประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อโรคขนาดเล็กและไวรัสไม่ได้ หรือบางสถานการณ์ที่ต้องใส่แล้วทิ้ง หากใช้หน้ากากสวย ๆ ที่เพิ่งซื้อมาแล้วล่ะก็ คงเสียดายแย่เลยใช่ไหมคะ ดังนั้น เราจำได้นำสินค้าหน้ากากอนามัยที่มีความปลอดภัยมากกว่า และสามารถใช้แล้วถึงได้เลยไม่เสียดายตังค์มาฝากกันด้วยค่ะ อย่าลืมเข้าไปเลือกหากันดูนะคะ

หลังจากที่ได้ทราบประโยชน์และวิธีการเลือกหน้ากากผ้ากันไปแล้ว ต่อไปเราจะพาคุณไปพบกับ 10 อันดับ หน้ากากผ้าที่ได้รับความนิยมกันในตอนนี้ โดยเราได้ทำการคัดสรรมาเป็นอย่างดีเพื่อคุณผู้อ่านเลยครับ

สำหรับวิธีทำความสะอาดหน้ากากผ้า โดยปกติแล้วจะใช้วิธีเดียวกันทั้งหน้ากากผ้าแบบปกติ และหน้ากากผ้าที่เคลือบสารสะท้อนน้ำ คือ ต้องซักด้วยมือและใช้น้ำอุณหภูมิปกติในการซักเท่านั้น อาจมีการใช้ผงซักฟอกเพียงเล็กน้อยหรือสบู่อ่อน ๆ พร้อมกับทำการขยี้เบา ๆ ให้ทั่วบริเวณหน้ากากผ้าทั้งด้านนอกและด้านใน โดยห้ามใช้สารฟอกขาวและน้ำยาปรับผ้านุ่มประกอบการซักโดยเด็ดขาด หลังจากนั้นจึงนำไปผึ่งลมหรือแดดอ่อน ๆ โดยไม่ควรให้หน้ากากผ้าโดนแสงแดดจัด เพราะจะทำให้คุณภาพในการป้องกันน้ำหรือสะท้อนน้ำเสื่อมเร็วยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ควรทำการซักหน้ากากผ้าก่อนใช้งานครั้งแรกและซักทุกครั้งหลังใช้งานเสมอ เพื่อให้หน้ากากผ้ามีความสะอาดตลอดเวลา ซึ่งอายุการใช้งานของหน้ากากผ้าจะแตกต่างกันไปในแต่ละยี่ห้อ โดยมีปัจจัยทางด้านวัสดุที่ใช้ในการผลิต เช่น ชนิดของผ้าหรือสารที่ใช้เคลือบ เป็นต้น หน้ากากผ้าที่ไม่ได้เคลือบสารสะท้อนน้ำจะสามารถซักได้ตั้งแต่ 50 - 100 ครั้ง หรือในบางยี่ห้ออาจสามารถซักได้ไม่จำกัดจำนวนครั้งเลยทีเดียว ส่วนหน้ากากผ้าที่ทำการเคลือบสารสะท้อนน้ำนั้น จะสามารถซักได้ที่ประมาณ 20 - 30 ครั้ง หากซักอย่างถูกวิธี หลังจากนั้นก็ยังใช้งานได้ เพียงแต่ประสิทธิภาพในการสะท้อนน้ำจะลดลงไปนั่นเองครับ

เป็นอย่างไรกันบ้างครับ กับวิธีการเลือกหน้ากากผ้า พร้อมกับ 10 อันดับสินค้าที่เราได้ทำการค้นคว้าข้อมูล และคัดสรรหน้ากากผ้าที่ดีที่สุดมาให้กับผู้อ่านได้ตัดสินใจในการเลือกซื้อ ซึ่งหน้ากากผ้าในแต่ละยี่ห้อนั้นก็มีกรรมวิธีการผลิต, วัสดุ, การออกแบบและอื่น ๆ ที่แตกต่างกันออกไป การที่จะเลือกหน้ากากผ้าให้เหมาะสมกับการใช้งานของคุณนั้น ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ในการนำไปใช้งานและความสะดวกสบายในการสวมใส่เป็นหลัก

ในปัจจุบัน มลภาวะทางอากาศอย่างฝุ่นละออง เชื้อไวรัสและแบคทีเรีย อาจจะยังอยู่กับเราไปอีกนาน เพราะฉะนั้น การเตรียมตัวที่ดีก็จะทำให้เราสามารถป้องกัน หยุดยั้งและห่างไกลจากอันตรายจากสภาวะแวดล้อมที่ไม่ปกติเหล่านี้ได้ และต้องอย่าลืมหมั่นล้างมือด้วยสบู่หรือเจลล้างมือบ่อย ๆ เพื่อเป็นการป้องกันตนเองให้ดีหากจำเป็นต้องออกไปทำธุระข้างนอกนะครับ