8 ถุงเก็บน้ำนม รุ่นไหนดี อัพเดทล่าสุดปี 2567

ถึงแม้ว่าถุงเก็บน้ำนมจะมีส่วนประกอบในการเลือกไม่มากนักและใช้ครั้งเดียวทิ้ง จนหลายคนอาจคิดว่าแบรนด์ไหน ๆ ก็คงจะเหมือนกัน แต่ในความเป็นจริงแล้ว แต่ละแบรนด์ใช้วัสดุและเทคโนโลยีในการผลิตที่แตกต่างกัน ซึ่งส่งผลให้มีคุณสมบัติในการใช้งานที่ไม่เหมือนกัน แล้วเราจะเลือกยังไงให้เหมาะและดีที่สุด? นั่นคือคำถามที่เราหาคำตอบมาให้คุณตรงนี้แล้วค่ะ

ในการปั๊มน้ำนมต่อ 1 ครั้ง คุณแม่แต่ละคนจะได้ปริมาณน้ำนมไม่เท่ากัน รวมถึงปริมาณน้ำนมที่ทารกแต่ละคนดื่มก็แตกต่างกัน ผู้ผลิตจึงได้ออกแบบถุงเก็บน้ำนมออกมาหลายขนาดตามความต้องการ ก่อนอื่นคุณต้องทราบก่อนว่า การบรรจุน้ำนมในถุงนั้นจะไม่บรรจุจนเต็มถุง เนื่องจากเมื่อแช่แข็งแล้วน้ำนมอาจขยายตัวจนทำให้ขอบถุงปริแตกได้ ยกตัวอย่างเช่น หากคุณต้องการบรรจุน้ำนม 7 ออนซ์ คุณควรเลือกถุงเก็บน้ำนมที่ปริมาณ 8 ออนซ์ เป็นต้นค่ะ

นอกจากนี้ ปริมาณการดื่มนมของทารกก็มีผลต่อการเลือกขนาดถุงเก็บน้ำนม เพราะหลังจากละลายน้ำนมแล้วจะไม่สามารถนำกลับเข้าช่องแข็งได้อีกครั้ง อีกทั้งน้ำนมที่ละลายแล้วจะอยู่ในอุณหภูมิตู้เย็นช่องปกติได้เพียงไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น เพราะนอกจากจะทำให้เกิดกลิ่นหืนแล้ว อาจทำให้สูญเสียคุณค่าทางสารอาหารและอาจมีเชื้อแบคทีเรียที่ไม่ดีเกิดขึ้นได้ ดังนั้น การละลายน้ำนม 1 ถุง ควรจะกะปริมาณให้พอสำหรับ 1-2 มื้อเท่านั้น

จะเห็นได้ว่าถุงเก็บน้ำนมที่วางจำหน่ายในปัจจุบัน มีตั้งแต่ขนาด 3-10 ออนซ์ โดย ขนาดที่เป็นที่นิยม คือ 8 ออนซ์ เพราะเป็นปริมาณที่คุณแม่ส่วนใหญ่ปั๊มได้ และ ทารกสามารถดื่มได้ประมาณ 2 มื้อ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจในการจัดเก็บน้ำนมของคุณแม่เองด้วย บางคนอาจชอบที่จะเก็บในถุงเล็กมากกว่า เนื่องจากมีความสะดวกต่อการนำออกมาละลายครั้งต่อครั้ง ง่ายต่อการจัดเก็บและการเรียงลำดับมื้อของทารกมากกว่าค่ะ

ถุงเก็บน้ำนมทุกใบจะใช้วิธีการผนึกปากถุงด้วยซิปล็อก เนื่องจากเป็นการเก็บของเหลวและต้องจัดเก็บหลากหลายทิศทาง ไม่ว่าจะเป็นแนวตั้งหรือแนวนอน ซึ่งง่ายต่อการหกออกจากถุง แต่ซิปล็อกที่ใช้ในถุงเก็บน้ำนมโดยทั่วไปจะเป็นซิปล็อก 2 ชั้นขึ้นไป เพื่อป้องกันการไหลหกออกมาด้านนอกและยังช่วยป้องกันเชื้อโรคต่าง ๆ ไม่ให้เข้าไปด้านในอีกด้วย ในปัจจุบัน บางแบรนด์ก็ได้พัฒนาขึ้นไปอีกขั้นด้วยระบบซิปล็อก 3 ชั้น เพื่อให้ปิดสนิทและป้องกันการรั่วไหลได้ดียิ่งขึ้น

แต่สิ่งหนึ่งที่คุณแม่จะต้องทำความเข้าใจเพิ่มเติม นั่นก็คือ เมื่อจำนวนของซิปล็อกที่มากขึ้น ก็ทำให้การปิดผนึกยากขึ้นด้วยเช่นกัน เพราะต้องรีดปิดให้ครบทุกชั้นและปิดให้แนบสนิททุกชั้น จึงจะไม่รั่วซึมหรือหกออกมา

ส่วนหนึ่งในการเลือกถุงเก็บน้ำนม ก็คือการเลือกจากวัสดุและคุณภาพของถุง อย่างสีของพลาสติก จำนวนชั้นของพลาสติก และความหนาของการซีลขอบถุง ซึ่งปัจจัยเหล่านี้มีผลต่อรักษาคุณภาพของน้ำนมและความแข็งแรงทนทานของตัวถุง ซึ่งบางครั้งคุณแม่อาจมองข้ามรายละเอียดเหล่านี้ไป ดังนั้น เรามาดูกันดีกว่าค่ะ ว่ารายละเอียดเหล่านี้เป็นอย่างไร และควรจะเลือกแบบไหนเพื่อให้ได้ถุงเก็บน้ำนมที่มีคุณภาพดีที่สุดค่ะ

วัสดุหลักในการผลิตถุงเก็บน้ำนมก็คือพลาสติก และจำเป็นจะต้องเป็นพลาสติกคุณภาพดีที่สามารถบรรจุอาหารได้ หรือระดับ Food Grade ที่มีความเหนียว ทนทาน และทนต่อแรงกระแทกเป็นพิเศษ เพราะถุงน้ำนมจะต้องแช่อยู่ช่องแข็งเป็นเวลานานจึงจำเป็นต้องทนต่อการฉีกขาด ดังนั้น การเลือกถุงเก็บน้ำนมควรคำนึงถึงปัจจัยนี้อย่างละเอียดเลยนะคะ

วัสดุ LDPE (Low Density Polyethylene) เป็นวัสดุที่หลายแบรนด์เลือกใช้ เพราะ มีความยืดหยุ่นสูงมาก ทนต่อการฉีกขาดได้ดี แต่มีข้อเสีย คือ อากาศซึมผ่านเข้าได้ง่าย ดังนั้น จะต้องมีพลาสติกหุ้มด้านนอกอีกชั้น นั่นก็คือพลาสติก PET (Polyethylene Terephthalate) ซึ่งเป็นพลาสติกที่มีความหนาแน่นมากกว่า อากาศซึมผ่านได้ยากกว่า เมื่อถุงเก็บน้ำนมผลิตจากพลาสติกประเภทดังกล่าว จะมีความทนทานต่อการขาดที่เกิดจากการแช่แข็ง นอกจากนี้ พลาสติกยังต้องเป็นชนิดปราศจากสาร BPA (Bisphenol A) ที่เป็นสารโลหะหนักที่มักใช้ในอุตสาหกรรมพลาสติก

อีกสิ่งหนึ่งที่คุณแม่หลายคนสงสัย นั่นก็คือสีของพลาสติก บางคนอาจคิดว่าพลาสติกสีใสดูสะอาดและสามารถมองเห็นลักษณะน้ำนมด้านในได้ แต่ถุงประเภทนี้ก็มีข้อเสีย คือ จะมีความนิ่มและวางในแนวตั้งได้ค่อนข้างยาก ในขณะที่ถุงเก็บน้ำนมที่มีการพิมพ์สีจะมีลักษณะที่แข็งกว่า ทำให้คงรูปได้ง่าย นอกจากนี้ บ้างก็ว่าถุงสีทึบช่วยรักษาคุณค่าทางอาหารได้ดีกว่า ทั้งนี้ ยังไม่มีงานวิจัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างจริงจัง จึงขึ้นอยู่กับความพึงพอใจและการจัดเก็บว่าชอบแบบใดมากกว่ากันค่ะ

ตามที่ได้กล่าวไปแล้วว่า ถุงเก็บน้ำนมส่วนใหญ่จะใช้พลาสติกที่มีความหนาเป็นพิเศษเพื่อป้องกันการรั่วหรือฉีกขาด และพลาสติกแต่ละประเภทก็มีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน หากใช้พลาสติกแบบชั้นเดียวอาจทำให้ถุงไม่มีความแข็งแรงเพียงพอที่จะบรรจุของเหลวเพื่อแช่แข็ง

นอกจากนี้ ถุงเก็บน้ำนมต้องถูกเคลื่อนย้ายบ่อยครั้ง เพราะต้องจัดเก็บเรียงตามลำดับก่อน-หลัง ดังนั้น ถุงเก็บน้ำนมส่วนใหญ่ จะทำจากวัสดุพลาสติก 2 ่ชั้น เพื่อรองรับแรงกระแทกและการขีดข่วน ป้องกันถุงเก็บน้ำนมขาดแล้วทำให้อากาศและเชื้อโรคต่าง ๆ เข้าไปสัมผัสกับน้ำนมซึ่งเป็นสาเหตุให้ต้องทิ้งน้ำนมทั้งถุง หรือบางครั้งคุณแม่ไม่ทราบว่าถุงมีรอยแยกเล็ก ๆ แล้วนำน้ำนมให้ทารกดื่ม ก็อาจทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยตามมาได้ค่ะ

ถุงเก็บน้ำนมนอกจากจะมีความหนาเป็นพิเศษแล้ว ส่วนประกอบอื่น ๆ ของตัวถุงก็ต้องมีกระบวนการผลิตเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นการบรรจุของเหลวที่ต้องใช้ความพิถีพิถันในการจัดเก็บ ขอบซีลเป็นส่วนหนึ่งที่แตกขาดง่ายที่สุดจากการแช่แช็ง เพราะเมื่อของเหลวถูกแช่แข็งแล้วจะเกิดการขยายตัว ดังนั้น ผู้ผลิตจึงต้องมีการซีลขอบให้หนากว่าถุงซิปล็อกทั่วไป เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการปริขาด และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งจุดที่ควรต้องคำนึงถึงเมื่อเลือกซื้อถุงเก็บน้ำนมค่ะ

ด้วยเทคโนโลยีการผลิตภาชนะบรรจุสำหรับเก็บรักษาอาหารได้ถูกพัฒนามากขึ้นในปัจจุบัน จึงทำให้ถุงเก็บน้ำนมมีความพิเศษมากขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อให้เก็บรักษาน้ำนมแม่ได้อย่างมีคุณภาพและยาวนานที่สุด โดยคุณจะเห็นได้ว่าถุงเก็บน้ำนมมีความพิเศษมากขึ้นกว่าเดิมในหลายด้านเลยนะคะ ซึ่งคุณสมบัติเสริมเหล่านี้ขึ้นอยู่กับความชื่นชอบของคุณแม่ว่าจะเลือกหรือไม่ค่ะ

แต่เดิมเมื่อคุณแม่ปั๊มนมจะต้องปั๊มน้ำนมลงขวดก่อน แล้วจึงค่อยนำไปเทใส่ลงถุงเก็บ ลองจินตนาการดูว่าเมื่อคุณแม่ต้องออกไปทำกิจกรรมนอกบ้าน จะต้องหอบหิ้วสิ่งของมากมายเพียงใด? ทั้งขวดนมสำหรับปั๊มและดื่ม รวมถึงเรื่องของการทำความสะอาดที่ต้องทำอย่างพิถีพิถัน และยังมีปัญหาการเทถ่ายจากขวดลงถุง ที่หากเทไม่ดีอาจหกเลอะเทอะ หรือหากคุณปิดปากถุงหรือเก็บรักษาไม่ถูกต้องก่อนเทลงถุงเก็บ ก็อาจทำให้มีเชื้อโรคปะปนลงในน้ำนมได้ง่าย

แต่ตอนนี้คุณแม่จะสบายยิ่งขึ้นแล้วค่ะ ด้วยถุงเก็บน้ำนมที่สามารถปั๊มน้ำนมบรรจุลงถุงได้ทันที โดยใช้ข้อต่อเพิ่มจากหัวเครื่องปั๊มกับปากถุงเก็บน้ำนม หลังจากนั้น คุณแม่ก็สามารถปั๊มนมได้ตามปกติ และปิดปากถุงหรือจุกหมุนเพื่อปิดเก็บได้ทันที นอกจากนี้ บางแบรนด์ยังได้มีการออกแบบหัวต่อที่สามารถต่อกับจุกขวดนมได้เพิ่มเติม ทำให้ทารกสามารถดื่มนมจากถุงได้ทันทีที่ปั๊มออกมา เพิ่มความสะดวกสบายและยังเพิ่มโอกาสให้ทารกได้ดื่มน้ำนมที่สดใหม่เมื่อต้องออกไปนอกบ้าน

การเทน้ำนมจากเครื่องปั๊มลงถุงเก็บและจากถุงเก็บลงขวดนม เป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากลำบากสำหรับคุณแม่มากเลยนะคะ เพราะถุงบางแบรนด์มีเนื้อนิ่มจึงทำให้ไม่ค่อยคงรูป การเทน้ำนมจึงสามารถหกออกได้อย่างง่ายดาย

ช่องเทน้ำนมเข้า-ออกช่วยให้การเทน้ำนมให้สะดวกยิ่งขึ้น โดยช่องเทเข้าเป็นช่องซิปล็อกด้านบน ส่วนช่องเทออกจะทำเป็นช่องเล็ก ๆ เพื่อให้เทลงขวดนมได้ง่ายยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังช่วยเรื่องของความสะอาดในน้ำนม เนื่องจากบางครั้งปากถุงเก็บน้ำนมจะมีการผ่านมือจากการหยิบจับหลายครั้ง ซึ่งอาจเกิดสิ่งเจือปนหรือเชื้อโรคสะสมอยู่บนบริเวณปากถุงได้ เพื่อให้ทารกดื่มน้ำนมที่ปลอดภัย การเทน้ำนมผ่านช่องแยกจึงช่วยลดสิ่งเจือปนในน้ำนมได้ส่วนหนึ่งค่ะ

เนื่องจากการนำน้ำนมสต็อกออกมาให้ทารกดื่ม จะต้องนำน้ำนมที่จัดเก็บลำดับแรกมาดื่มก่อน จึงจำเป็นต้องบันทึกข้อมูลทุกถุงว่าเป็นน้ำนมที่ปั๊มออกมาวันและเวลาใด ซึ่งแต่เดิมคุณแม่จะต้องจดใส่กระดาษซึ่งไม่สะดวกเอาเสียเลย ทำให้ในปัจจุบันผู้ผลิตทุกแบรนด์จึงได้พัฒนาให้ถุงเก็บน้ำนมมีช่องสำหรับเขียนข้อมูลเหล่านี้ลงบนถุงได้ทันที อีกทั้ง บางแบรนด์ยังทำให้เขียนได้ง่ายด้วยปากกาลูกลื่นธรรมดา ซึ่งจุดนี้จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับคุณแม่ได้มากทีเดียวค่ะ

ถุงเก็บน้ำนมเป็นผลิตภัณฑ์ที่ต้องผ่านการผลิตและใช้วัสดุที่สะอาดและปลอดภัย ซึ่งอย่างน้อยต้องผ่านมาตรฐานการตรวจสอบผลิตภัณฑ์ภาชนะบรรจุนมสำหรับทารกและเด็กเล็กของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กระทรวงสาธารณสุข จึงมั่นใจได้ว่าถุงเก็บน้ำนมนั้นปลอดภัย เพราะในมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ตามประกาศโดยรวมกล่าวว่า ถุงเก็บน้ำนมจะต้องใช้วัสดุที่มีความสะอาด ปลอดภัย ไร้สารเคมีตกค้าง มีกระบวนการฆ่าเชื้อโรคอย่างชัดเจน สีที่พิมพ์จะต้องเป็นสีระดับคุณภาพที่สัมผัสอาหารได้ (Food Contact Grade) และจะต้องไม่ลอกหลุด ต้องมีการพิมพ์ขีดบอกปริมาณอย่างชัดเจน รวมถึงมีการระบุวัสดุ คุณสมบัติเฉพาะ (Specification) ชื่อและแหล่งผู้ผลิตอย่างชัดเจน นี่คือรายละเอียดคร่าว ๆ ที่คุณจะต้องตรวจสอบให้ดีก่อนตัดสินใจซื้อถุงเก็บน้ำนม เพราะสุขภาพของทารกเป็นสิ่งที่ละเลยไม่ได้ค่ะ

การเลือกถุงเก็บน้ำนมส่วนใหญ่จะเป็นรายละเอียดที่ต้องพิจารณาเป็นพิเศษ เพราะเกี่ยวข้องกับอาหารที่จะต้องเข้าสู่ร่างกายของเด็กทารก ความสะอาดและปลอดภัยจึงเป็นปัจจัยอันดับแรกที่จะต้องตรวจสอบ และเมื่อผ่านวิธีการเลือกแล้ว ก็มาถึงผลิตภัณฑ์ที่คุณแม่หลายท่านไว้วางใจ ข้อมูลตรงนี้เป็นเสมือนรีวิว ที่จะช่วยคุณแม่ประกอบการตัดสินใจในการซื้อถุงเก็บน้ำนม ถ้าเช่นนั้นเราไปดูกันดีกว่าค่ะว่ามีผลิตภัณฑ์ไหนน่าสนใจบ้าง

ถุงเก็บน้ำนมเป็นหนึ่งในตัวช่วยในการเก็บน้ำนมให้เด็กทารกได้รับประทานนมแม่ได้อย่างยาวนาน ดังนั้น จะเห็นได้ว่าถุงเก็บน้ำนมจะมีคุณสมบัติที่คงทน แข็งแรง และมีความยืดหยุ่น เพื่อให้ทนต่ออุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลง รวมถึงลดกลิ่นหืนซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ทารกรับประทานได้ยาก

นอกจากนี้ ยังต้องทำจากวัสดุที่สามารถบรรจุและสัมผัสอาหารได้ และต้องผ่านการฆ่าเชื้อ เพื่อให้น้ำนมที่เก็บในถุงสะอาดและปลอดภัย ส่วนคุณสมบัติเสริมอื่น ๆ อาจทำให้ราคาของถุงเก็บน้ำนมมีราคาสูงขึ้นกว่าปกติ แต่นั่นก็ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของคุณแม่ในการเลือกใช้งาน สำหรับผลิตภัณฑ์ที่วางจำหน่าย นอกเหนือจาก 10 อันดับที่กล่าวข้างต้น ยังมีอีกมากมายหลายแบรนด์ที่คุณแม่ไว้วางใจ ซึ่งใช้งานได้ดีและมีมาตรฐานความปลอดภัยไม่แตกต่างกันเท่าไหร่นัก สุดท้ายนี้ น้ำนมแม่เป็นสิ่งที่มีคุณค่าที่สุดสำหรับทารก ดังนั้น เพื่อให้ลูกน้อยของคุณได้รับอาหารที่มีคุณภาพเช่นนี้ได้นานที่สุด "ถุงเก็บน้ำนม" สามารถช่วยคุณได้อย่างแน่นอนค่ะ